กรุงเทพฯ จัดว่าเป็นเมืองที่มีผู้คนจากแทบทั่วทุกมุมโลกมารวมตัวกันอยู่ที่นี่มากมาย จึงทำให้เกิดความหลากหลายในด้านการศึกษา โดยหลักสูตรการศึกษาของประเทศไทยนั้นก็มีความแตกต่างจากหลักสูตรของต่างประเทศค่อนข้างเยอะ ซึ่งผู้ปกครองที่เป็นชาวต่างชาติส่วนใหญ่ต้องการให้เด็ก ๆ เรียนหลักสูตรของต่างประเทศ เพื่อให้เด็กสามารถที่จะปรับตัวได้ง่ายขึ้นเมื่อต้องย้ายไปเรียนต่อที่ประเทศอื่น ๆ ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงทำให้เกิดโรงเรียนนานาชาติใน กทม. ขึ้นมากมายเพื่อตอบสนองความต้องการนี้ โดยหลักสูตรการเรียนการสอนที่ใช้จะอิงมาจากมาตราฐานสากล ที่หลาย ๆ ประเทศใช้กัน
หลักสูตรโรงเรียนนานาชาติที่นิยมใช้สอนในประเทศไทย
-
หลักสูตรของประเทศอเมริกัน
เป็นหลักสูตรที่อิงมาตราฐานมาจากประเทศอเมริกา จะเน้นไปที่เรื่องการเรียนการสอนในทุกวิชา และมักจะส่งเสริมให้เด็ก ๆ คิดแบบมีเหตุผล มีความคิดสร้างสรรค์ และเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะมีแนวทางในการเรียนการสอนที่หลากหลาย เน้นให้เด็ก ๆ ได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม ทั้งนี้โรงเรียนนานาชาติในประเทศสหรัฐอเมริกามักจะเปิดสอนหลักสูตร Advanced Placement (AP) ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เตรียมความพร้อมเพื่อเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกาและอีกในหลายประเทศทั่วโลก
-
หลักสูตรของประเทศอังกฤษ
เป็นหลักสูตรการเรียน การสอนของประเทศอังกฤษ หรือที่รู้จักกันในชื่อหลักสูตรเคมบริดจ์ ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มีมาตราฐานมาก โดยจะเน้นไปที่วิชาหลัก ๆ อย่างเช่น ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และประวัติศาสตร์ ในขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับนักเรียนยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โรงเรียนนานาชาติของประเทศอังกฤษส่วนใหญ่จะใช้หลักสูตร General Certificate of Secondary Education (GCSE) ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เปิดสอนให้กับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา และมีการสอบวัดความรู้เชิงวิชาการแบบ A-Level จะใช้ในการสอบตรงเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากมหาวิทยาลัยแทบทั่วโลก
-
หลักสูตร แบบ International Baccalaureate (IB)
หลักสูตร IB เป็นหลักสูตรระดับสากลที่ออกแบบมาเพื่อพัฒนาความรู้ บุคลิกภาพ อารมณ์ และทักษะการเข้าสังคมของนักเรียน โดยเปิดสอนหลักสูตรหลัก 3 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรประถมศึกษา (PYP) สำหรับเด็กนักเรียนอายุ 3-12 ปี หลักสูตรมัธยมต้น (MYP) สำหรับเด็กนักเรียนอายุ 11-16 ปี และหลักสูตรอนุปริญญา (DP) สำหรับเด็กนักเรียนอายุ 16-19 ปี หลักสูตร IB เน้นการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ความเข้าใจในความแตกต่างของวัฒนธรรม และการศึกษาแบบองค์รวม
รวมข้อดีที่จะได้รับจากการเรียนโรงเรียนอินเตอร์ในไทย
- ได้ทักษะภาษาที่ยอดเยี่ยมติดตัว
ทั้งนี้ก่อนจะเข้าเรียนก็ต้องมีพื้นฐานการสื่อสารภาษาอังกฤษที่ดีในระดับหนึ่ง แต่เมื่อเรียนไปเรื่อย ๆ จะเป็นการฝึกภาษาไปในตัว เพราะการเรียนการสอนทุกอย่างจะสื่อสารกันเป็นภาษาอังกฤษ การที่ใช้ภาษาสื่อสารอยู่ตลอดเวลา ย่อมทำให้ทักษะด้านภาษาดีขึ้น จนเกิดเป็นความชำนาญ สื่อสารได้อย่างคล่องแคล่ว
- ได้เรียนรู้ถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม
ซึ่งความแตกต่างของหลักสูตรนานาชาติ จะไม่เหมือนกับหลักสูตรไทยคือ เพื่อนที่เรียนร่วมกันจะมีหลายเชื้อชาติ จะไม่ได้มีแค่คนไทยด้วยกันเอง และมีวัฒนธรรมของเด็กแต่ละคนก็แตกต่างกัน เมื่อเข้ามาอยู่ร่วมกันก็ต้องมีการปรับตัว และได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันในแต่ละประเทศ
- ได้พัฒนาและเสริมทักษะด้านการสื่อสาร ความกล้าแสดงออก
วัฒนธรรมของคนต่างชาติ ต่างจากวัฒนธรรมของไทย ทำให้วิธีการสื่อสาร และการแสดงออกของชาวต่างชาติก็แตกต่างกัน การเรียนนานาชาติช่วยเสริมทักษะด้านการสื่อสารในหลายด้าน เรียนกับชาวต่างชาติ ก็จะได้ซึมซับวิธีการสื่อสารที่แปลกใหม่ ต่างออกไปจากที่เราคุ้นเคยในสังคมไทย แถมยังช่วยให้เด็กไทยกล้าแสดงออกมากขึ้นอีกด้วย
- ได้ฝึกการเข้าสังคม
การเรียนรวมกับคนหมู่มากต้องมีการกรับตัว ยิ่งเป็นความหลากหลายจากคนหลายประเทศมาอยู่ร่วมกัน ยิ่งต้องเรียนรู้และปรับตัวค่อนข้างมาก เป็นอีกทักษะที่จะได้รับกลับมาแน่นอน ซึ่งเป็นทักษะที่ได้เปรียบ และสามารถนำไปใช้ในการเข้าสังคมและการทำงานต่อได้ ถือเป็นอีกหนึ่งข้อดีที่ได้ติดตัวกลับมา
- ได้เรียนรู้มุมมองและทัศนคติในหลาย ๆ ด้าน
นอกจากวัฒนธรรมที่ต่างแล้ว วิธีการคิดหรือทัศนคติในเรื่องต่าง ๆ ของคนแต่ละประเทศก็ต่างกัน การมีเพื่อนหลายประเทศ จะช่วยให้เราเห็นหลายมุมมอง ผ่านทัศคติตอนพูดคุยกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี ที่ได้เรียนรู้ และได้มองเห็นความต่าง เป็นการเปิดกรอบความคิด ไม่ให้จำกัดอยู่แค่ความเคยชิน หรือมุมมองที่คุ้นเคยในประเทศของตัวเอง
- ได้รับโอกาสในการทำงาน ที่เปิดกว้างกว่าเดิม
ทักษะทั้ง 5 ข้อผ่านมา คือคุณสมบัติสำคัญ ที่หลายองค์กรต้องการในตัวพนักงาน ที่เข้ามาร่วมงานในบริษัท เนื่องจากการทำงาน ก็เป็นสังคมที่ต้องเจอคนมากมาย ต้องแชร์ทัศนคติร่วมกัน และต้องมาพร้อมกับไอเดียในการทำงาน ที่สำคัญต้องมีทักษะการอยู่ร่วมกันกับคนอื่นได้ และต้องกล้าแสดงออก โดยเฉพาะกล้าแสดงความคิดเห็น นอกจากนี้หลักสูตรนานาชาติ ยังการันตีได้ว่า ผู้ที่จบนั้นมีทักษะภาษาที่ดีเยี่ยม พร้อมในการสื่อสารและลุยงาน ที่ต้องใช้ทักษะภาษาเข้ามาเกี่ยวข้อง
ข้อเสียที่อาจจะพบได้จากการเลือกเรียนที่โรงเรียนนานาชาติ
- มีค่าธรรมเนียมการศึกษาที่สูงกว่าโรงเรียนธรรมดา
- อาจจะไม่ได้สัมผัส หรือซึมซับกับวัฒนธรรมไทยได้อย่างเต็มที่
บทสรุป
ถึงแม้ว่าโรงเรียนนานาชาติใน กทม. จะมีให้เลือกมากมายหลายที่ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนนานาชาติที่มีขนาดใหญ่ ไปจนถึงโรงเรียนนานาชาติที่มีขนาดเล็ก ซึ่งแต่ละโรงเรียนก็จะมีความพิเศษที่แตกต่างกันไปเฉพาะตัว รวมถึงหลักสูตรของแต่ละโรงเรียนนานาชาติก็จะมีข้อแตกต่างกัน ทั้งในเรื่องของเนื้อหา, วิธีการสอน, และประโยชน์ที่นักเรียนจะได้รับ ดังนั้นในการเลือกโรงเรียนอินเตอร์ในไทยให้กับเด็ก ๆ จึงต้องมองถึงความต้องการของเด็กมาเป็นอันดับแรก และต้องให้สอดคล้องกับความต้องการของคนในครอบครัวด้วย เช่น การเดินทางไปรับไปส่งว่าสะดวกไหม, ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการเรียนว่ารับไหวหรือไม่ ซึ่งสองสิ่งนี้ถือว่าเป็นอะไรที่สำคัญมาก ๆ เพราะมีเด็กหลายคนที่ได้ย้ายโรงเรียนบ่อยเพราะติดปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ ซึ่งในการย้ายโรงเรียนบ่อย ๆ อาจจะส่งผลเสียต่อการเรียนรู้ของเด็กได้ค่ะ